วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[บทความ] อานิสงส์บูชาด้วย "ดอกสาละ"



...ภาพดอกสาละ...ที่เห็นนี้เป็นดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ในบริเวณ...พระวิหาร "พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจ้า"... วัตรทรงธรรมกัลยาณี จังหวัดนครปฐม สาละ เป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญมากเกี่ยวเนื่องกับพุทธประวัติ ทั้งตอนประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน...

สำหรับผู้มีใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความศรัทธาเลื่อมใส น้อมจิตบูชาต่อพระบรมศาสดาด้วยความเคารพบูชา อันเกิดจากน้ำใสใจจริง พร้อมกับบูชาพระองค์ท่านเป็นประจำ ผลที่เกิดจากการเคารพบูชาพระพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกัน คือจะส่งผลให้พบแต่สิ่งที่ดีงาม ชีวิตจะมีแต่ความสงบสุขร่มเย็นทั้งในภพนี้และภพหน้า จะได้เป็นผู้ที่ท่องเที่ยวอยู่ใน ๒ ภพภูมิ คือ มนุษยโลกแล้วก็เทวโลก

การบูชาต่อพระพุทธองค์นี้มีอานุภาพมากอย่างนี้ แม้ว่าผู้นั้นจะละจากโลกไปแล้ว บุญที่ได้กระทำเอาไว้ก็ยังจะส่งผลอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย มีผลอันน่าอัศจรรย์ ดังเช่นประวัติการสร้างความดีของนางเทพนารีองค์หนึ่ง เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์นั้น ก็เป็นเพียงบุคคลธรรมดาเท่านั้น แต่ด้วยดวงใจที่เลื่อมใสต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้ถวาย...ดอกสาละ...เพื่อเป็นการบูชาสักการะบูชาพระพุทธองค์

เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ที่เมืองสาวัตถี ในยุคนั้น มหาชนทั้งหลายมักจะชักชวนกันสั่งสมบุญด้วยการทำทาน รักษาศีลและเจริญสมาธิภาวนากันอย่างเต็มกำลัง ไม่เคยให้โอกาสดีๆ ที่จะได้ทำบุญ กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ่านเลยไป และในยุคสมัยนั้น มีอุบาสกผู้ใจบุญอยู่ท่านหนึ่ง ถึงแม้จะยากจนด้วยทรัพย์สินเงินทอง แต่กำลังศรัทธาไม่เคยบกพร่อง เป็นผู้ที่รักบุญมากเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อเห็นการสร้างบารมีของนักสร้างบารมีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐีและมหาอุบาสิกาวิสาขา ก็คิดอยู่ในใจเสมอว่า สักวันหนึ่งเราจะต้องได้ทำบุญใหญ่อย่างนักสร้างบารมีทั้งหลายเหล่านั้นบ้าง จึงได้แต่รอคอยโอกาสเรื่อยมา แต่ในระหว่างนั้นก็ยังคงสั่งสมบุญอยู่มิได้ขาด

จนกระทั่งเวลาผ่านไป อุบาสกท่านนี้จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า “หากเรารอเวลาให้พร้อมบริบูรณ์เหมือนกับท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐีและมหาอุบาสิกาวิสาขาแล้ว ในภพชาตินี้ไม่ทราบว่า เมื่อไหร่จึงจะมีความพร้อมกับเขา เอาเถิด เราจะทำตัวของเราให้พร้อมดีกว่า” เมื่อคิดได้อย่างนี้ก็ไม่รอช้า จึงคิดจะเอาบุญใหญ่ให้เต็มที่ ใจของอุบาสกท่านนี้จดจ่ออยู่กับการสร้างบุญตลอดเวลา จึงได้นิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วก็สร้างมณฑปสำหรับเป็นที่ถวายทาน หลังจากที่สร้างเสร็จแล้ว แม้จะเป็นมณฑปที่ไม่หรูหราอลังการ แต่หัวใจของผู้ให้กลับปีติเบิกบานอย่างยิ่ง ได้ทำการบูชาสักการะและถวายทานในมณฑปที่ลงแรงสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง




ในสมัยนั้น มีหญิงรับใช้ในตระกูลหนึ่ง เห็นต้นสาละในสวนอันธวันออกดอกบานสะพรั่ง จึงเก็บดอกสาละในสวนนั้นมา เอาเถาไม้ร้อยเป็นพวงมาลัยเลือกเก็บเอาเฉพาะดอกที่ขาวราวมุกดาและก็ดอกที่งดงามเป็นอันมาก ถือเข้ามาในพระนคร ในระหว่างทางที่นางเดินเข้าพระนครนั้น ได้ผ่านมาทางมณฑปที่อุบาสกท่านนั้นได้สร้าง แล้วกำลังทำบุญกับพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่พอดี เนื่องจากเป็นหญิงรับใช้ ตลอดเส้นทางที่เดินผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียว

จนมาถึงบริเวณนั้น พอได้เห็นฉัพพรรณรังสีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ประทับนั่งเหนืออาสนะที่อุบาสกตกแต่งไว้อย่างดี มองเห็นฉัพพรรณรังสีที่สวยงามเปล่งออกจากพระวรกาย เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ทอแสงอ่อนๆ อันจับต้องเทือกเขายุคันธรอยู่ฉะนั้น ทำให้นางเกิดความปีติเลื่อมใสเป็นกำลัง ในใจของนางก็นึกอนุโมทนาบุญกับอุบาสกว่า ช่างเป็นบุญลาภของอุบาสกนี้หนอ ที่ได้มีโอกาสสร้างบุญกับพระผู้มีพระภาคเจ้า และได้ทำอย่างเต็มกำลังของตัวเอง

เมื่อคิดถึงตรงนี้นางก็ฉุกคิดได้ว่า แม้การที่เราเดินมาพบกับเหตุการณ์อัศจรรย์อันสุดแสนจะปีติประทับใจอย่างนี้ ก็นับเป็นบุญลาภของเราเหมือนกัน แม้ในมือของเราก็มีดอกไม้อย่างดีและสวยงาม ถึงแม้เราจะไม่มีไทยธรรมดังเช่นอุบาสก แต่เราก็จะไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆ อย่างนี้ผ่านเลยไป เมื่อคิดอย่างนี้ ก็ไม่รอช้า ได้เอาดอกไม้ทั้งหมดที่ตนเองอุตส่าห์หอบหิ้วมาตั้งไกล น้อมบูชาพระบรมศาสดา นางได้วางพวงมาลัยไว้รอบพุทธอาสน์ แล้วก็โปรยดอกไม้ที่เหลือบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติยิ่ง จากนั้นก็ได้เวียนประทักษิณสามรอบแล้วเดินจากไป

อามิสบูชาที่นางได้ทำบุญกับพระผู้มีพระภาคเจ้าในครั้งนั้น ประทับอยู่ในใจของนางตลอดเวลา เนื่องจากเป็นสาวใช้ จึงไม่ได้โอกาสไปนมัสการหรือฟังธรรมจากพระพุทธองค์ ถึงแม้นางจะได้โอกาสเพียงครั้งเดียว ก็จำเรื่องราวที่ดีงามเหล่านั้นได้ไม่เคยลืมเลือน จนกระทั่งละจากโลกนี้ไป ด้วยผลแห่งบุญที่ทำในครั้งนั้น ส่งผลให้นางไปบังเกิดในภพดาวดึงส์ มีมหาสมบัติทิพย์ที่น่าอัศจรรย์ก็คือ มหาวิมานของนางนั้น เป็นวิมานแก้วผลึกแดง ที่มีรัศมีรุ่งเรืองสว่างไสว ข้างหน้าวิมานนั้นมีต้นสาละทิพย์ที่ใหญ่มาก พื้นที่ของสวนก็ลาดด้วยทรายทอง เวลาที่นางออกจากมหาวิมานแก้วผลึกแดง ต้นสาละนั้นจะพร้อมใจกันโน้มกิ่งลงมา แล้วก็จะโปรยดอกสาละทิพย์ต้อนรับ ยังความอัศจรรย์ใจให้บังเกิดขึ้นกับเหล่าเทวดาทั้งหลาย สมบัติทิพย์ของนางก็รุ่งเรืองตระการตา ดึงดูดสายตาของผู้ได้พบเห็น

จนกระทั่งวันหนึ่ง พระมหาโมคคัลลานะ อริยสาวกเบื้องซ้าย จาริกผ่านไปพบกับมหาสมบัติและรัศมีอันรุ่งเรืองอย่างนั้น จึงเอ่ยถามว่า

“ดูก่อนเทพธิดา ท่านรื่นรมย์อยู่ในวิมานแก้วผลึก มีพื้นดารดาษไปด้วยทรายทอง มีเสียงกึกก้องด้วยทิพยดุริยางค์อันไพเราะ เมื่อลงจากวิมานก็ยังมีต้นสาละทิพย์คอยต้อนรับและส่งกลิ่นทิพย์ที่หอมอบอวล ดูก่อนเทพนารีผู้มีบุญมาก เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ได้สร้างบุญพิเศษอะไรเอาไว้”

เทพนารีนั้น ครั้นถูกพระเถระถามจึงกราบเรียนว่า “พระคุณเจ้าที่เคารพ เมื่อครั้งที่เป็นมนุษย์ ดิฉันเป็นเพียงหญิงรับใช้อาศัยอยู่ในตระกูลเจ้านาย แทบไม่มีโอกาสได้สร้างบุญกุศลอย่างอื่นเลย เพียงแค่มีจิตเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า ในมือมีเพียงดอกไม้สาละจึงได้บูชาพระพุทธองค์ ดิฉันได้สมบัติทิพย์ที่น่าอัศจรรย์ก็ด้วยบุญนั้น เจ้าค่ะ”


....................................................



อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ มัญชิฏฐกวรรคที่ ๔
๑. มัญชิฏฐกวิมาน

มัญชิฏฐกวรรควรรณนาที่ ๔
อรรถกถามัญชิฏฐกวิมาน 


มัญชิฏฐกวิมาน มีคาถาว่า มญฺชิฏฺฐเก วิมานสฺมึ โสวณฺณวาลุกสนฺเถเต เป็นต้น.
วิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?

พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่กรุงสาวัตถี. อุบาสกคนหนึ่งในกรุงสาวัตถีนั้นนิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้า จัดสร้างมณฑปแล้วบูชาสักการะ ถวายทานในมณฑปนั้น โดยนัยที่กล่าวแล้วในวิมานติดๆ กัน.

สมัยนั้น หญิงรับใช้ประจำตระกูลคนหนึ่ง เห็นต้นสาละในสวนอันธวันออกดอกบานสะพรั่ง จึงเก็บ...ดอกสาละ...ในสวนนั้นมาเอาเถาไม้ร้อยเป็นมาลัยสวมคอ ทั้งเก็บดอกที่ขาวอย่างมุกดาและดอกงามๆ เป็นอันมากเข้าพระนคร เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งเปล่งพระพุทธรังสีมีวรรณะ ๖ ประการในมณฑปนั้น เหมือนดวงอาทิตย์อ่อนทอแสงส่องเทือกภูเขายุคนธร ก็มีจิตเลื่อมใส เอาดอกไม้เหล่านั้นบูชา วางพวงมาลัยไว้รอบพระพุทธอาสน์ โปรยดอกไม้อีกจำนวนหนึ่ง ถวายบังคมโดยเคารพ ทำประทักษิณสาม ครั้งแล้วไป.

ต่อมานางได้ตายไปเกิดในดาวดึงส์... ที่ดาวดึงส์นั้น นางมีวิมานแก้วผลึกแดง และข้างหน้าวิมานมีสวนสาละใหญ่ พื้นที่สวนลาดทรายทอง. ยามที่นางออกจากวิมานเข้าสวนสาละ กิ่งสาละทั้งหลายโน้มลงโปรยดอกในเบื้องบน. 

ท่านพระมหาโมคคัลลานะเข้าไปหานางตามนัยที่กล่าวแล้วในหนหลัง ถามถึงกรรมที่นางทำไว้ ด้วยคาถาเหล่านี้ว่า

ดูก่อนเทพธิดา ท่านรื่นรมย์อยู่ในวิมานแก้วผลึก มีพื้นดาดาษไปด้วยทรายทอง กึกก้องไปด้วยดนตรีเครื่อง ๕ เมื่อท่านลงจากวิมานแก้วผลึก อันบุญกรรมแต่งไว้เข้าไปสู่ป่าสาละ อันมีดอกบานสะพรั่งตลอดกาลทั้งปวง ยืนอยู่ที่โคนต้นสาละต้นใดๆ ต้นสาละนั้นๆ ซึ่งเป็นไม้อุดม ก็น้อมกิ่งโปรยดอกลงมา ป่าสาละนั้นต้องลมแล้ว โบกสะบัดไปมา เป็นที่อาศัยแห่งฝูงสกุณชาติ โชยกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทิศ ดุจต้นอุโลกฉะนั้น. ท่านสูดดมกลิ่นอันหอมหวนนั้น ทั้งได้ชมรูปทิพย์ ซึ่งมิใช่ของมนุษย์

ดูก่อนเทพธิดา อาตมาถามแล้ว ขอท่านโปรดจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร.

พระเถระถามอย่างนี้แล้ว เทพธิดานั้นได้พยากรณ์ด้วยคาถาเหล่านี้ว่าเมื่อชาติก่อน ดีฉันเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นทาสีอยู่ในตระกูลเจ้านาย ได้เห็นพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ มีจิตเลื่อมใส ได้โปรยดอกสาละรอบอาสนะ และได้น้อมนำพวงมาลัยดอกสาละอันร้อยกรองอย่างดี ถวายพระพุทธเจ้าด้วยมือของตน ครั้นดีฉันทำกุศลกรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญแล้ว ก็สร่างโศกหมดโรคภัย สุขกายสุขใจ รื่นเริงบันเทิงอยู่.



จบอรรถกถามัญชิฏฐกวิมาน 

.............................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น